เที่ยว “อะโสะ” เมืองชนบทในอ้อมกอดภูเขาไฟอะโสะ และทุ่งหญ้าคุสะเซนริ (Kusasenri)
สถานีรถไฟอะโสะคือจุดเริ่มต้นเช้าวันใหม่

ก่อนเช้าวันนี้จะมาถึง การเดินทางมาเมิองอะโสะเมื่อคืนนี้ Alone และฉิวเฉียดมาก เพราะมาถึงตอนสามทุ่มกว่าแล้ว ลงจากรถไฟปุ๊บนี่มืดตึ๊ดตื๋อเลย เพราะสถานีรถไฟปิดทำการแล้ว เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ในเกสท์เฮ้าส์ซึ่งตั้งห่างออกไปราวกิโลเมตรเศษต้องมารอรับ
พอถึงที่พัก ในห้องนอนรวมหญิงแบบปูเสื่อทะทะมิ และเตียงสองชั้น ทุกคนนอนกันหมดแล้ว (นอนไวไปไหน) เลยไม่กล้าเปิดไฟในห้องเลย ต้องเดินย่องๆ ใช้ไฟฉายจากมือถือ เป็นอะไรที่ทุลักทะเลมาก แถมที่นอนก็ยังไม่ได้ปู
สิ่งแรกที่มองหาคือปลั๊กไฟเพื่อชาร์ตทุกสิ่งอย่าง ความโชคดีคือเพื่อนร่วมห้องมารยาทดีงามมาก ยังเหลือปลั๊กส่วนกลางไว้ให้ ความโชคดีต่อมาคือได้ที่นอนเตียงล่าง เลยมีม่าน และไฟตรงหัวเตียง พอจัดการจัดระเบียบรูปในกล้องเสร็จ ใช้ผ้าเย็นเช็ดมือกับเท้า (หน้าไม่ต้อง เดี๋ยวก็เช้าแล้ว – ฮา) เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
รู้ตัวอีกทีคือเช้าตรู่ซึ่งทุกคนตื่นนอนกันหมดแล้ว อารมณ์ประมาณเข้าค่ายเนตรนารียังไงไม่รู้ เก็บที่นอน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ออกมาเดินสำรวจหน้าบ้าน จึงเห็นว่าเกสท์เฮ้าส์เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หน้าบ้านมีระเบียง และสวนเล็กๆ เหมือนบ้านในหนังเรื่อง Our little sister ของ 4 พี่น้อง ตอนนั่งทำเหล้าบ๊วยกัน
ความจริงเกสท์เฮาส์มีรถรับส่งไปสถานีรถไฟด้วยทุกเช้า แต่รอบแรกเขาไปกันหมดแล้ว รอบต่อมาเลยมีเราคนเดียว เจ้าหน้าที่ก็กรุณามาก
ท่ามกลางละอองฝนโปรยเบาๆ ขณะออกมาสถานีรถไฟ จึงได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองชนบทเล็กๆ แห่งนี้ว่ารายล้อมด้วยเทือกเขา สายหมอก และความเขียวขจีจริงๆ

เป้าหมายวันนี้คือภูเขาไฟอะโสะ (Mt. Aso) และทุ่งหญ้าคุสะเซนริ (Kusasenri) ด้วยรถประจำทางที่ใช้ระบบพลังงานไฟฟ้าอันนุ่มนวล และเงียบเชียบ ซึ่งจอดเพียง 2 สถานีเท่านั้น คือสถานีคุสะเซนริ และสถานีรถกระเช้าขึ้นสู่ภูเขาไฟอะโสะ
รถรอบแรกออกเวลา 9:10 น. แล่นผ่านหมู่บ้าน และไต่ขึ้นไปอย่างแผ่วเบาบนเส้นทางป่าสนที่ทั้งแคบ และคดเคี้ยว เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามชวนตะลึง เพราะป่าสนปกคลุมด้วยหมอก ทำให้แต่ละต้นเต็มไปด้วยพืชสีเขียวตระกูลไลเค่น (Lichen) จากความชื้นเกาะเต็มไปหมด จนดูเป็นภาพในโลกภาพยนตร์มากกว่าความเป็นจริง ราวครึ่งชั่วโมงก็หลุดจากป่าสนสู่บริเวณเนินภูเขา และจุดชมวิวทะเลหมอก


- ความอุดมสมบูรณ์ และเงียบสงบ ทำให้ต้องติดป้ายเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังสัตว์ใหญ่ที่อาจโผล่มา หรือเดินข้ามถนน ส่วนด้านหลังที่เห็นควันพวงพุ่งขึ้นมาคือปล่องภูเขาไฟอะโสะนั่นเอง

Kusasenri ความเขียวขจีของทุ่งหญ้าในฤดูฝน

คุสะเซนริเป็นทุ่งหญ้าบริเวณเชิงเขารูปแอ่งกระทะ มีบึงน้ำขนาดใหญ่ และบรรดาฝูงม้ากำลังเล็มหญ้า โดยฉากหลังเป็นวิวภูเขาอะโบะชิ (Aboshi-dake) ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมลงไปเดินเล่นกันมาก และบางฤดูกาลจะมีบริการขี่ม้าแบบมีคนจูงด้วย ทุ่งหญ้าแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตอุทยานแห่งชาติอะโสะ-คุจุ (Aso-Kuju national park) ซึ่งกินพื้นที่ครอบคลุมไปจนถึงแนวเทือกเขาอะโสะ และเทือกเขาคุจุในจังหวัดโอะอิตะ (Oita) ด้วย
อุทยานแห่งชาติอะโสะ – คุจุ มีจุดท่องเที่ยวหลัก 13 จุด โดยทุ่งหญ้าคุสะเซนริ และภูเขาไฟอะโสะ เป็น 2 ใน 13 จุด ทุ่งหญ้าแห่งนี้ยังเป็นจุดเดินป่า (Trecking) ทั้งระยะสั้น และระยะยาวเพื่อศึกษาธรรมชาติ (Geotourism course) สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาคนเดียว จะไม่ได้รับอนุญาติให้เดิน จำเป็นต้องมีเพื่อนมาด้วย 3-4 คน โดยอุทยานฯ จะมีแผนที่เส้นทางการเดินอย่างละเอียดให้ พร้อมจุดบริการสอบถามข้อมูล ตั้งอยู่ในอาคารใหม่คุสะเซนริ (New kusasenri)










ภูเขาไฟอะโสะเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของเมืองอะโสะ จากทุ่งหญ้าคุสะเซนรินั่งรถประจำทางต่ออีก 5 นาที ก็มาถึงแล้ว แม้ในตอนนั้นสถานีรถกระเช้า (Aso ropeway station) จะปิดบริการอยู่ก็ตาม สถานีรถกระเช้านี้เเปิดบริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1958 และได้ปิดให้บริการเมื่อมีการปะทุครั้งล่าสุดในเดือนตุลาคมปีค.ศ. 2016 ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศว่าเถ้าถ่านที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นสูงถึง 11 กิโลเมตร และกระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ถึง 320 กิโลเมตร จนต้องยกระดับเตือนภัยเป็นระดับ 3 จากสูงสุดระดับ 5 และห้ามเข้าใกล้เขตภูเขาไฟในรัศมี 2 กิโลเมตร แต่ในเดือนเมษายนปีค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา สถานการณ์ดีขึ้นจนสามารถขึ้นไปชมบริเวณปากปล่องภูเขาไฟได้ด้วยชัตเติ้ลบัส ส่วนสถานีรถกระเช้ายังปิดบริการอยู่
ภูเขาไฟอะโสะมีบริเวณปากปล่องเป็นแอ่งรูปกระจาด (Caldera) โดยขอบแอ่งมีลักษณะเอียง ชันลาด และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่รวม 350 ตารางกิโลเมตร จากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกยาว 18 กิโลเมตร และทิศเหนือจรดทิศใต้ยาว 25 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางของแอ่งประกอบด้วยยอดเขาทั้ง 5 (Vacanic clusters) ได้แก่ ยอดเขาทะกะ (Taka-dake, dake แปลว่ายอดเขา) ยอดเขาเนะโกะ (Neko-dake) ยอดเขาคิชิมะ (Kishima-dake) ยอดเขาโบะชิ (Boshi-dake) และยอดเขานะกะ (Naga-dake) ในจำนวนยอดเขาทั้ง 5 ยอดเขานะกะ หรือนะกะดะเกะ เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ยังปะทุ (Still-fuming) ทำให้ภูเขาไฟอะโสะได้ชื่อว่า “อะโสะที่ยังไม่ดับ” (Aso is alive) บนความสูง 1,791 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ภูเขาไฟอะโสะถือกำเนิดมานานกว่า 270,000 ปี จึงมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ และธรณีวิทยา ประกอบขึ้นด้วยทางราบที่กระจายตัวตลอดแนวเทือกเขาจากทิศเหนือจรดทิศใต้ สลับกับที่ราบสูง และทางลาด ส่วนบริเวณรอบนอกปากปล่องทรงกระจาดเต็มไปด้วยหินตะกอนมากมาย ภูเขาไฟอะโสะไม่ได้เพียงเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีกลุ่มควันพวงพุ่งออกมา และบางครั้งอาจเกิดสีสันจากปฏิกริยาแสงแดด แต่ยังมีฐานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวอะโสะมายาวนานด้วย แม้แต่อาคารสถานีรถกระเช้าก็ยังปรากฎวัดไซเกนเดนจิ (Saigendenji)
ภายในอาคารสถานีรถกระเช้า ชั้นล่างเป็นร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่ มีผลิตภัณฑ์น้องหมีคุมะมงเต็มไปหมด ชั้นบนเป็นห้องขายตั๋ว และทางออกสู่สถานีรถกระเช้าขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟ รวมทั้งรูปปั้นน้องหมีคุมะมง แกลเลอรี่ขนาดเล็กที่แสดงภาพถ่ายภูเขาไฟอะโสะ และ Aso super ring หรือห้องฉายวีดีทัศน์ภูเขาไฟอะโสะ 3 มิติ



More
- มีรถประจำทางวิ่งไป-กลับวันละ 9 เที่ยว ขาไป 9:10-15:20 น. และขากลับ 10:50-17:00 น. สถานีรถประจำทางตั้งอยู่ด้านหลังสถานีรถไฟอะโสะ
- จุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 13 จุด ในอุทยานแห่งชาติอะโสะ-คุจุ ครอบคลุมทั้งภูเขา เส้นทางเดินเขา บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ลำธาร ทุ่งหญ้า ฯลฯ ontact : Aso grassland conservation center 656 Ozato, Aso-shi, Kumamoto-ken 869-2307 Phone : 0967-32-0100
- เส้นทางชมธรรมชาติ และความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา (Geotourism course) ภายในเมืองอะโสะ 6 จุด Contact : Aso geopark promotion council, Aso volcanic museum 1930-1 Akamisu, Aso-shi, Kumamoto-ken 869-2232 Phone : 0967-34-2089