
ในเมืองนะงะสะกิ ซึ่งเคยเป็นท่าเรือนานาชาติที่สำคัญตั้งแต่ยังไม่เปิดประเทศ จนกระทั่งเมื่อเปิดประเทศแล้ว ทำให้เมืองนี้มีชาวตะวันตกเข้ามาตั้งถิิ่นฐานเพื่อค้าขาย จนกลายเป็นย่านหมู่บ้านตะวันตกที่เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ บ้านสวนโกลเวอร์ (Glover garden) และถนนฮอลแลนด์ (Holland street) ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันเพียง 2-3 สถานีรถราง ดังนั้น ขณะอยู่บนรถราง (Tram) หมายเลข 5 มุ่งหน้าสู่ Glover garden ก็จะผ่านสถานี ชิมิมเบียวอิมมะเอะ (Shiminbyoin-mae) เพื่อเดินต่อไปยังถนนฮอลแลนด์ หรือเนินดัชท์ (Ducth slope) ซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของชาวฮอลแลนด์ และชาวยุโรปในอดีต โดยยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้
เมื่อเดินอยู่บนถนนฮอลแลนด์ได้ไม่เท่าไหร่ ก็จะเริ่มเห็นอาคารสถาปัตยกรรมตะวันตกสีสันสดใส เช่น โรงแรม Monterey แบบโปรตุเกส อาคารอิฐสีส้มที่เป็นสถานกงสุลอังกฤษ (Former Nagasaki british consulate) และเรือนไม้สีแดงหลังใหญ่ที่ไม่เห็นป้ายชื่อ ฯลฯ บรรยากาศถนนในเย็นวันธรรมดาก็เงียบเชียบเป็นธรรมดา แต่ยังมีความมุ้งมิ้งของร้านรวงที่เปิดขายของที่ระลึก และคาเฟ่ให้นั่งพัก


ถนนโกลเวอร์ ซึ่งเป็นเนินเขาอันคดเคี้ยวเป็นย่านหมู่บ้านตะวันตกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนะงะสะกิ ทุกหลังล้วนสร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นบ้านพักของเหล่าพ่อค้า โดยหลายหลังเปิดให้เข้าเยี่ยมชมเพื่อศึกษาวิถีชีวิตในอดีตของชาวตะวันตกผ่านสถาปัตยกรรมภายนอก และภายใน ซึ่งออกแบบตกแต่งด้วยเครื่องเรือน และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยได้รับการรักษาให้มีบรรยากาศใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด

ในจำนวนบ้านหลายหลัง หลังที่โดดเด่นที่สุดคือบ้านสวนโกลเวอร์ (Glover garden) ของนายโทมัส เบลคโกลเวอร์ (Thomas blake glover) พ่อค้าชาวสก๊อตแลนด์ผู้มั่งคั่ง และมีบทบาทต่อการพัฒนาเมืองนะงะสะกิ ซึ่งเขาได้สร้างครอบครัวกับสตรีชาวญี่ปุ่น และลงหลักปักฐานอยู่ภายในบ้านหลังนี้ ปัจจุบันบ้านสวนหลังนี้ยังคงสวยงามทั้งภายนอก และภายใน โดยมีรูปปั้นปุคชินี (Puccini) นักประพันธ์ชาวอิตาเลียน ผู้แต่งอุปรากรชื่อดังของโลกอย่างมาดามบัตเตอร์ฟลาย (Madame butterfly) เป็นสัญลักษณ์ โดยเนื้อหาอุปรากรได้กล่าวถึงเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังระหว่างหญิงชาวญี่ปุ่นกับหนุ่มทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลก ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้น และจบลงในเมืองนะงะสะกินี่เอง



ระหว่างทางสู่สวนโกลฟเวอร์ นอกจากร้านขายของที่ระลึกเก๋ๆ ร้านขนม และคาเฟ่ต่างๆ แล้ว ยังได้เห็นโดมของโบสถ์คาทอลิกโออุระที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแล้ว โดยสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1865 ด้วยสถาปัตยกรรมกอทิก (Gothic) ภายในงดงามด้วยการตกแต่งกระจกสี จึงเป็นอาคารตะวันตกหลังแรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติแห่งแรกด้วยเช่นเดียวกัน จึงสะท้อนเรื่องราวทางในประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมชุมชนของชาวคาทอลิกในอดีตที่ตกทอดมาสู่ปัจจุบัน พร้อมกันนี้ ยังมีโบสถ์หลังอื่นแซมอยู่ด้วย


ร้านคัสเทลลาร้านดังที่เปิดขายมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1973 ที่คิวยาวมาก มี 5 รสชาติให้เลือก เช่น รสต้นตำรับ รสชาเขียว รสกาแฟ ฯลฯ บรรจุในกล่องที่ได้รับการออกแบบลวดลายอย่างสวยงาม ดูเลอค่าน่าซื้อมาก กล่องเล็ก 400 เยน กล่องใหญ่ 800 เยน (มีให้ชิมด้วย) รสคัสตาร์ดอร่อยมาก ด้วยเนื้อเค้กไข่แบบสปองก์ (Sponge) ที่นุ่มชุ่มฉ่ำกว่าแบบอื่นๆ เพราะมีน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมหลัก จึงเรียกกันว่าเค้กไข่น้ำผึ้ง ส่วนด้านบนราดคัสตาร์ด ส่วนแบบอื่นๆ จะไม่มีหน้า เป็นรสชาติของเนื้อเค้กแต่ละชนิดไป อย่าพลาดที่จะลองชิม หรือซื้อกลับมาเป็นของฝากคนที่รัก แต่อย่าลืมดูวันหมดอายุ Address : 2-5 Minamiyamatemachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken 850-093 Phone : 095-825-8541 การเดินทาง : ขึ้นรถรางหมายเลข 5 ลงสถานี Ouratenshudo-shita หรือสถานี Ishibashi




