Beppu Onsen Hoyoland

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟกระจายอยู่ทั่ว ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่กระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ในทุกภูมิภาค จึงเกิดวัฒนธรรมการใช้ชีวิตด้วยการแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ หรือออนเซนเพื่อสุขภาพ และความงามกันมายาวนาน โดยเฉพาะเมืองเบปปุ (Beppu) ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาผัสประสบการณ์ออนเซนในรูปแบบ และบรรยากาศที่หลากหลาย เช่น บ่อในเรียวคัง (Ryokan) หรือบ้านพักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ให้บริการพร้อมมื้ออาหารที่มีอายุนับร้อยปี บ่อโคลน บ่อทรายร้อน บ่ออบไอร้อน ทั้งในร่ม และกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อมด้วยป่าไม้ และแนวเทือกเขา

สิ่งที่ยืนยันว่าเบปปุเป็นเมืองน้ำพุร้อนได้ดีคือเมื่อขึ้นรถประจำทางจาก JR Beppu เข้าไปในเขตคันนะวะ (Kannawa) ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งหมู่บ้านออนเซนแล้ว จะเห็นภูมิทัศน์เป็นเนินเขาสูงต่ำลดหลั่นกันไป และสิ่งที่ชวนตะลึงคือเมื่อรถไต่ขึ้นภูเขาสูงที่คดเคี้ยว แต่เมื่อหลุดจากโค้งปุ๊บ ภาพที่เห็นอยู่เบื้องล่างคือเมืองในแอ่งกระทะที่เต็มไปด้วยควันจากปล่องน้ำพุร้อนพวยพุ่งขึ้นเป็นสายจนคลุ้งเต็มท้องฟ้า (เสียดายถ่ายรูปไม่ทัน ที่ถ่ายทันก็เบลอเสียนี่ ก็รถอยากเลี้ยวโค้งไปโค้งมาทำไมล่ะ ฮา) จนหมดวิวแอ่งกระทะเข้าสู่บริเวณหมู่บ้านแล้ว ก็ยังพบควันพวยพุ่งขึ้นมาจากท่อตามพื้นถนน และภาพบรรยากาศผู้คนสวมชุดยุคะตะ (Yukata) ชุดลำลองที่สวมตามธรรมเนียมเมืองน้ำพุร้อน โดยคนสวมเดินกันชิลมาก สวนไปมากันขวักไขว่ ก่อนถึงจุดหมายในวันนี้คือบ่อโคลนโฮโยแลนด์ (Beppu onsen hoyo land)

บ่อโคลนโฮโยแลนด์ เจ้าของโฮสเทลราคาหลักร้อยที่ข้าวสารเบปปุ (Spa hostel khaosan beppu) แนะนำให้มา เพราะเป็นบ่อโคลนยอดนิยมของเมืองนี้ เมื่อมาแล้วไม่ผิดหวัง เนื่องจากสะดวกสบายตรงที่อยู่ตรงป้ายรถประจำทางพอดีเลย (Konya jigoku mae) ลงรถปุ๊บเดินเข้าไปปั๊บ แถมมีวิวสะพานเมียวบัง (Myoban bridge) อีกต่างหาก เผื่อคนชอบสะพานจะได้มาแล้วคุ้ม สะพานนี้เป็นสะพานเหล็กวงโค้งพาดผ่านช่วงที่เป็นหุบเขา และอยู่สูงลิ่วจนดูเหมือนสะพานลอยฟ้า

โฮโยแลนด์ประกอบด้วยบ่อกลางแจ้งแบบแช่รวมชายหญิง 2 บ่อ บ่อในร่มแบบแยกชายหญิงอีกอย่างละ 2 บ่อ สิ่งที่น่าเสียดายคือตอนที่ไปก็เย็นมากแล้ว มีเวลาเพียงชั่วโมงเศษก็จะหกโมงแล้ว เลยต้องแช่บ่อในร่ม ซึ่งจากบริเวณเคาน์เตอร์ด้านหน้าพอชำระค่าบริการเรียบร้อยแล้ว ต้องเดินผ่านสะพานไม้ยาวเหยียดเหมือนเดินเข้าไปในป่า จนเชื่อมกับอาคารบ่อโคลน ภายในมีส่วนพักผ่อน ห้องแต่งตัว และบ่อโคลน

ตามธรรมเนียมอนเซน ทุกคนจะเข้าสู่ห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นห้องโถงโล่งกว้าง ทั้งถอดเสื้อผ้าก่อนลงแช่ และใส่เสื้อผ้าหลังแช่เสร็จแล้ว จะทำกันตรงนี้เลย ไม่มีพื้นที่เป็นส่วนตัว บางที่จะมีล็อกเกอร์เป็นตู้มีกุญแจให้ แต่บางที่ก็ไม่มี เช่นที่นี่มีเพียงตะกร้าเก็บในล็อกเกอร์แบบเปิด พอเก็บเสื้อผ้าทุกชิ้นลงตะกร้าเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตัวเปล่าเข้าบ่อโคลน หรืออาจติดผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อชุบน้ำเย็นโปะลงบนศรีษะเพื่อปรับสมดุลก็ได้ และภายในส่วนบ่อโคลนจะมีบริเวณล้างตัวด้วย แต่ที่นี่เนื่องจากเป็นบ่อโคลน จึงมีกฎห้ามใช้ครีมสระผม ครีมอาบน้ำ และห้ามนำผ้าขนหนูจุ่มลงในบ่อโคลน ส่วนบ่อโคลนกลางแจ้ง สามารถเดินจากบ่อในร่มออกไปได้ด้วย พอลองเดินออกไป ปรากฎเป็นป่าครึ้มเลยเชียว และด้วยเวลาจำกัด เลยกลับเข้ามาแช่บ่อในร่มแทน

บ่อในร่มมี 2 บ่อ แรกน้ำเป็นสีฟ้าอมเทาที่น้ำนิ่งเป็นผิวเรียบ พอลงแช่ก็อุ่นสบาย อุณหภูมิราว 38-39 องศาเซลเซียส ประมาณว่าเป็นการอบอุ่นร่างกายก่อน ส่วนก้นบ่อเป็นโคลนที่ตกตะกอนอยู่ ซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่ดีต่อผิว สามารถกวักโคลนจากด้านล่างที่มีความละเอียดมาขัดตัวเบาๆ ได้เลย คำแนะนำของเจ้าหน้าที่คือไม่แนะนำให้พอกผิวหน้า และควรแช่บ่อละ 15-20 นาทีก็พอ ครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องล้างตัว ย้ายไปอีกบ่อที่อยู่ด้านในได้เลย บ่อนี้จะร้อนขึ้นมานิดนึง เข้าใจว่าแร่ธาตุมีความเข้มข้นกว่าด้วย จนได้เวลาครบแล้ว อาบน้ำล้างตัวเสร็จ จะรู้สึกว่าผิวนุ่มลื่นจริงๆ ด้วย

การเข้าอนเซน ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุร้อน หรือบ่อโคลน ความรู้สึกที่ได้เหมือนกันคือความสดชื่น และตัวเบาโล่งสบาย แต่ถ้าเป็นบ่อโคลนที่มีสรรพคุณเพื่อผิวพรรณโดยเฉพาะ ก็จะรู้สึกว่าผิวนุ่มลื่นขึ้น (เว่อร์มาก-ฮา) แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ออกมามีส่วนนั่งเล่นพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แต่ว่าเย็นเกินกว่าจะอ้อยอิ่ง เลยรีบบึ่งออกมา และคิดว่าอย่างไรเบปปุก็เป็นเมืองที่ต้องกลับมาอีกแน่ๆ และถ้าใครได้มา ควรใช้เวลาอยู่แบบค้างคืนในเรียวกัง สวมยูคาตะเดินเล่นดูควันที่พุ่งขึ้นจากท่อตามพื้นถนน กินอาหารท้องถิ่นอย่างจิโกะคุมุชิ ( Jigokumushi หรือ Hell steaming) อาหารนึ่งจากน้ำพุร้อน ทั้งผัก เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล แล้วฟินกับบ่อน้ำพุร้อนไปยาวๆ แช่ครั้งละ 15-20 นาที 2-3 วันติดต่อกันได้ไม่เป็นไร เลือกเลยว่าชอบบ่อแบบไหน บ่อกลางแจ้งล้อมด้วยขุนเขาแมกไม้ บ่อทรายร้อน บ่ออบไอน้ำ หรือบ่อโคลนแบบนี้

Address : 5-1 Myoban, Beppu-shi, Oita-ken 874-0843 เปิดบริการทุกวัน 9:00-22:00 น. (เฉพาะวันจันทร์ปิด 20:00 น. และในช่วงฤดูฝนจะปิดเร็วกว่าปกติ) Phone : 0977-66-2221 ค่าแช่ 1,050 เยน  การเดินทาง : จาก Beppu bus station นั่งรถประจำทาง 25 นาที ลงป้าย  Konya jigoku mae bus stop

สิ่งห้ามพลาดในเมืองอนเซนแห่งนี้คือ “จิโกคุเมะกุริ” (Jigoku meguri)  หรือบ่อนรกทั้ง 8 (8 Hells) เป็นสัญษณ์ของเมืองเบปปุ เพราะมีลักษณะแปลกแตกต่างไปตามธรณีวิทยา แต่ละบ่อมีความร้อนสูงเกือบ 100 องศาเซลเซียส เช่น บ่อสีแดงจนเหมือนสีเลือด บ่อโคลนที่กำลังเดือดปุดๆ บ่อสีเขียวนวลสวย บ่อน้ำตก ฯลฯ โดย 6 ใน 8 บ่อ อยู่ใกล้กันในเขตคันนะวะ (Kannawa) และอีก 2 บ่อ อยู่ในเขตชิบะเสะกิ (Shibaseki) ที่ห่างออกไปราวกิโลเมตรเศษ จึงเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบเหมาจะประหยัดกว่าซื้อทีละบ่อ หรือเลือกแบบทัวร์ชมทั้ง 8 บ่อ เพื่อความสะดวกสบาย