ถนนสายช้อปคิวคะรุอิซะวะ (Kyu Karuizawa) ได้ชื่อว่า Little Ginza (กินซะ หรือกินซ่าคือย่านธุรกิจ และย่านช้อปในโตเกียว) เพราะเป็นถนนช้อปสายหลักของเมือง มาดูว่ามีอะไรบ้าง

คะรุอิซะวะเป็นเมืองแยม อันเป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมที่ชาวตะวันตกนำเข้ามาเผยแพร่ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ซึ่งถนนสายนี้มีร้านแยมหลายร้าน หนึ่งในนั้นคือสะวะยะ (Sawaya) ที่ขายมาเกือบ 70 ปีแล้ว (ปีค.ศ. 1952) เป็นร้านดังที่มีแยมวางขายตามร้านขายของที่ระลึกทั่วไป รวมทั้งโรงแรมในเครือ Prince Hotel ด้วย

ความพิเศษของแยมสะวะยะเริ่มตั้งแต่เก็บเกี่ยวผลผลิตในท้องถิ่น นำมาต้ม และเคี่ยว จนได้แยมรสธรรมชาติของผลไม้นั้นๆ โดยไม่ปรุงแต่งเพิ่ม และมีหลายรสชาติวางเรียงรายเต็มร้าน แถมมีการจัดอันดับรสยอดนิยม อันดับหนึ่งคือแยมสตรอว์เบอร์รี ซึ่งจะนำผลสตรอว์เบอร์รีสดทั้งลูก เด็ดขั้วออก แล้วต้มในหม้อใหญ่ เคี่ยวจนได้ความหวานอมเปรี้ยวแบบธรรมชาติ ก่อนบรรจุขวด จึงได้รับประทานสตรอว์เบอร์รีทั้งลูก (สีแดงจะอ่อนลงจากกระบวนการผลิต)

อันดับสองคือแยมบลูเบอร์รี อันดับสามคือแยมส้มมาร์มาเลด (Orange Marmalade) ที่ผสมเปลือกส้มลงไป ทำจากส้มนาเวล (Navel) ที่มีกลิ่นหอม รสหวานเล็กน้อย และสีเข้ม รวมทั้งแยมตามฤดูกาล เช่น ฤดูหนาวมีแยมส้มมาร์มาเลดสายพันธุ์พิเศษที่มีสีอ่อน และติดขมหน่อยๆ ตามธรรมชาติของเปลือกส้ม รสไม่หวาน แต่มีความเข้มข้นของเนื้อส้ม และมีแยมกีวี ส่วนฤดูใบไม้ผลิมีแยมสตรอว์เบอร์รี ในฤดูร้อนมีแยมแอพพริคอต บลูเบอร์รี และพีช สำหรับฤดูใบไม้ร่วงมีแยมลูกพรุน องุ่นเคียวโฮ และแอปเปิ้ล

แยมทุกรสเหมาะแก่การโปะลงบนขนมปัง บิสกิต แครกเกอร์ แผ่นข้าวโพดอบกรอบ ฯลฯ รับประทานกับไวน์ขาว กับบรีชีส (Brie Cheese) หรือชีสอื่นๆ หรือจะจับคู่กับน้ำผลไม้ก็ได้ ซึ่งที่ร้านก็มีหลายรสชาติ รสยอดนิยมคือน้ำแอ๊ปเปิ้ล แต่ถ้าชอบอะไรที่เป็นสมุนไพรเบาๆ ขอแนะนำน้ำสตรอว์เบอร์รี่ผสมขิง จะดื่มแบบเข้มข้นด้วยการฟรีซในตู้เย็นให้เป็นวุ้นน้ำแข็งก่อน หรือถ้าชอบรสอ่อนลง แต่ได้ความซาบซ่าก็เพียงเติมโซดากับน้ำแข็งลงไป จึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะจะดื่มในวันสบายๆ



ถนนสายหลักนี้เดินตรงเข้ามาราว 300 เมตร ยังมีย่านช้อปย่อยแทรกตัวอยู่ด้วยคือ Church Street ซึ่งมีร้านค้าอีกมากซ่อนอยู่ภายในโซนนี้ รวมทั้งโบสถ์คาทอลิกเซนต์ปอล (St.Paul’s Catholic Church) ที่ออกแบบโดยสถาปนิกมือรางวัลชาวอเมริกัน (Antonin Raymond)

เป็นโบสถ์หลังเล็กๆ สร้างด้วยไม้ และตั้งอยู่กลางป่าจนดูราวกระท่อมน้อยในเทพนิยาย ส่วนหลังคาเป็นคอนกรีตทรงสามเหลี่ยมแหลมสูง มีอายุกว่า 80 ปี (ปีค.ศ. 1935) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารประวัติศาสตร์ของชาติ ในฤดูร้อนจะเป็นจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว และมีศิลปินมาวาดรูปอยู่เสมอ ส่วนฤดูหนาวที่ปกคลุมด้วยหิมะ อาจได้พบปรากฎการณ์เกล็ดละอองหิมะ (Stardust) ท่ามกลางความเงียบสงบก็เป็นได้

หน้าทางเข้า Church Street มีร้าน Domestics Ham & Sausage ขายผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ทั้งแฮม ไส้กรอก ฯลฯ โดยเน้นว่าเป็นของท้องถิ่นที่ผลิตภายในเมือง อันเป็นมรดกตกทอดจากที่ชาวตะวันตกเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองนี้ด้วย
ส่วนหน้าร้านย่างไส้กรอกเยอรมัน (Brat Wurst) แบบแซนด์วิชขาย ซึ่งพ่อครัวจะย่างไส้กรอกจนได้ที่ แล้ววางลงบนขนมปังร้อนๆ ในราคาเพียง 400 เยน ตัวไส้กรอกมีให้เลือกหลายรสชาติ แต่อันดับหนึ่งคือรสธรรมชาติ (Plain) จะให้ดีควรราดซอสมัสตาร์ดพริกไทยดำ และยังมีเครื่องดื่มร้อนเย็น รวมทั้งเบียร์เสิร์ฟในราคา 470 เยนด้วย



