Echigo Yuzawa Station (Inside)

 

หน้าสถานีรถไฟเอจิโงะยุซะวะอากาศแปรปรวนเบาๆ หิมะตกหยุดลง แล้วตกใหม่ สลับกันไป

ส่วนภายในสถานีรถไฟก็มีถนนช้อปโคโคโละยุซาวะ (CoCoLo Yuzawa) ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนโซนร้านอาหาร และกิจกรรมที่น่าสนใจ ตั้งแต่ข้าวปั้นร้านดัง แช่อนเซ็นสะเกะ และหยอดเหรียญชิมสะเกะ

ถนนช้อป CoCoLo

เริ่มที่บะคุดังโอนิงิริ (Bakudan Onigiri) หรือข้าวป้นระเบิดที่ร้านยุคินโต (Yukinto) เป็นร้านดังห้ามพลาด เพราะข้าวที่ปั้นเป็นข้าวสายพันธุ์โคะชิฮิคะริ (Koshihikari) ซึ่งเล่าลือกันว่าอร่อยที่สุดในประเทศ เนื่องจากภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มล้อมด้วยแนวเทือกเขา เมื่อหิมะตกหนักในฤดูหนาว และละลายในฤดูใบไม้ผลิ จึงเกิดแหล่งน้ำบริสุทธิ์ไหลรวมกับแม่น้ำชินะโนะ (Shinano) แม่น้ำสายนี้ยาวที่สุดในประเทศ ทำให้ข้าวนีงาตะมีคุณสมบัติพิเศษจากความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำนั่นเอง

บะคุดังโอนิงิริ มาจากคำว่า Bakudan แปลว่าลูกระเบิด Onigiri หรือข้าวปั้น มาจากการเติม O เข้าไปหน้า Nigiri (ข้าวปั้นซูชิ) ทำให้ฟังไพเราะสุภาพ (สะเกะที่แปลว่าเหล้าก็ใช้คำว่าโอะขึ้นต้นเช่นกัน เรียกว่าโอะสะเกะ Osake) ส่วนข้าวโคะชิฮิคะริได้มาจากแหล่งปลูกข้าวในพื้นที่ชิโอซาวะ (Shiozawa) ทางตอนใต้ของเมืองอุโอนุมะ (Minami Uonuma) ที่อาศัยแหล่งน้ำบริสุทธิ์จากหิมะที่ละลายในฤดูใบไม้ผลิหล่อเลี้ยงเช่นเดียวกัน

ข้าวปั้นที่เสิร์ฟมี 2 แบบ คือข้าวปั้นห่อสาหร่าย และไม่ห่อสาหร่าย หรือข้าวปั้นแบบเค็ม (Salty Onigiri) มีทั้งลูกเล็ก (Rice Bomb) ปริมาณข้าว 150 กรัม (เท่าข้าว 2 ชาม) ราคา 550 – 880 เยน เลือกไส้ได้หนึ่งอย่าง และลูกใหญ่ (Big Rice Bomb) ปริมาณข้าว 600 กรัม (เท่ากับข้าว 8 ชาม) ราคา 2,200 เยน เลือกไส้ได้ 5 อย่าง จากไส้ทั้งหมด 16 อย่าง แต่ละไส้นั้นจะปรุงจากพืชผักท้องถิ่นรวมกับเนื้อสัตว์ เช่น นัมบังมิโสะ (Nanban Miso) หรือกุ้งหวานมิโสะ (Miso blended with ground hot peppers) เมนไทโกะ (Mentaiko) หรือไข่ปลาค๊อดปรุงรสเผ็ด (Spicy cod roe) สุจิโกะ (Sujiko) หรือไข่แซลมอนดองเค็ม (Salted salmon roe) ฯลฯ

ความอร่อยของข้าวโคชิฮิคะริคือความเหนียวนุ่ม เมล็ดสวย และใสจนเป็นมันวาว สอดไส้แซลมอนเค็มตากแห้ง ลูกเดียวอิ่มจุก 730 เยน

ไส้ยอดนิยม แซลมอนตากแห้ง และไข่ปลาค๊อด

ไส้ขายดีอันดับหนึ่งคือสะเกะ (Sake) หรือแซลมอนย่าง (Grilled Salmon) คนญี่ปุ่นเรียกแซลมอนว่าสะเกะ ซึ่งมีแหล่งจับอยู่ที่เมืองมุราคามิ (Murakami) ที่อยู่ติดทะเลญี่ปุ่นทางตอนเหนือของจังหวัดนีงะตะ โดยจะมีวิธีถนอมอาหารด้วยการนำแซลมอนเป็นตัวๆ ไปคลุกเกลือ แล้วตากแห้งด้วยการห้อยหัวลงมาข้าวปั้นระเบิดห่อสาหร่ายไส้สะเกะลูกนี้ เพียงแค่ลูกเล็กก็ใหญ่มากแล้ว คนปั้นจะยืนเรียงหน้าร้าน และปั้นอย่างชำนาญ เธอจะหยิบสาหร่ายแผ่นใหญ่ ตามด้วยข้าวโคชิฮิคะริร้อนๆ จากหม้อ และไส้ที่นักกินเลือก จากนั้นก็ลงมือปั้น และถ้าต้องการให้ผ่าครึ่ง เธอจะผ่าแล้วเสิร์ฟลงกล่อง พร้อมซุปมิโสะ แต่ความจริงการกินด้วยมือยกกัดเลย (สาหร่ายมีความเหนียวนิดๆ) ดูจะฟินกว่า

สาวน้อยเสิร์ฟซุปให้ถึงโต๊ะเลย กรุณามากๆ

ใครติดใจจะซื้อข้าวสายพันธุ์นี้กลับมาหุงรับประทานที่บ้าน หรือเป็นของฝากก็จะดีมากเลย เพราะมีจำหน่ายในร้านบนถนนช้อปนี้ด้วย

เดินสักพัก ก็มาแช่อนเซนสะเกะ (Sakeburo Yunosawa) ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ผสมสะเกะลงไป เพราะจังหวัดนี้มีข้าวสายพันธุ์ดี ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตสาเกคุณภาพด้วย โดยมีค่าบริการ 800 เยน ค่าเช่าตู้เก็บของอีก 100 เยน ชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินตามป้ายที่แยกบ่อหญิง – ชายไว้ เข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บสัมภาระในตู้ แล้วดึงกุญแจออกมาสวมที่ข้อมือได้เลย จากนั้นเดินตัวเปล่า หรือนำผ้าขนหนูผืนเล็กติดตัวไปด้วย ในห้องน้ำพุร้อนมีบ่อน้ำพุขนาดแช่ได้ไม่เกิน 10 คน พร้อมส่วนอาบน้ำสระผม

ตามธรรมเนียมเมื่อล้างตัวสะอาดดีแล้ว นำผ้าขนหนูราดน้ำเย็น บิดให้หมาด แล้วพับสวยๆ โปะลงบนศรีษะเพื่อปรับสมดุลขณะแช่ตัว และแช่เพียง 25-30 นาทีก็พอแล้ว โดยทั่วไปบ่อน้ำพุร้อนจะปรับอุณหภูมิได้ แต่ที่กำลังแช่กันอยู่ร้อนน้อยไป ถ้าร้อนกว่านี้จะฟินกว่านี้ (ราว 40 องศาเซลเซียส) เมื่อแช่เต็มอิ่มแล้ว เพียงแค่ล้างตัวเล็กน้อย จะรู้สึกผิวนุ่มลื่นขึ้น และรู้สึกถึงความอุ่นที่อวลอยู่ในร่างกาย ความสดชื่น และเบาสบาย ซึ่งช่วยให้ทนต่อความหนาวเย็นของอากาศภายนอกได้ดีขึ้น และยังเป็นที่นิยมของนักสกีจำนวนมากด้วย เพราะมีจุดเก็บอุปกรณ์ (เหมือนจุดจอดจักรยาน) ภายในห้องแต่งตัวเลย จึงเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดมากๆ

ชำะค่าบริการแล้ว ก็เตรียมตัวแช่น้ำพุร้อน สังเกตป้ายแยกชายหญิงไว้อย่างชัดเจน พร้อมจุดเก็บอุปกรณ์สกี เพราะเป็นเมืองสกีรีสอร์ตชื่อดังใกล้โตเกียว

 

บ่อน้ำพุร้อนสะเกะ ได้กลิ่นอ่อนๆ ของสะเกะ เพื่อบอกว่าเมืองนี้มีข้าวสายพันธุ์ดี และสะเกะอันเลื่องชื่อ
ห้องแต่งตัว อยู่ในส่วนเดียวกับล็อกเกอร์

ต่อด้วยการหยอดเหรียญชิมสะเกที่พนชูกัง (Ponshukan) ซึ่งเป็นห้องชิมสะเกะนับร้อยรสชาติ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้องแสดงสะเกะ (Ponshukan Sake Museum) มีสัญลักษณ์คนเมานอนอยู่ด้านหน้า สะเกะ (Sake) หรือโอะสะเกะ (Osake) เป็นเครื่องดื่มแอลอฮอล์ประจำชาติของชาวญี่ปุ่น มีกระบวนการผลิตอันซับซ้อน เริ่มจากสีข้าว ทำให้สุก หมัก และบ่ม ซึ่งใช้เวลายาวนานนับปี  อีกทั้งต้องอาศัยวัตถุดิบคุณภาพดี โดยเมืองยุซาวะนั้นมีหิมะตกหนัก เมื่อละลายในฤดูใบไม้ผลิ จึงเกิดแหล่งน้ำบริสุทธิ์ รวมกับข้าวสายพันธุ์ดี เพื่อผลิตสาเกรสเลิศ ซึ่งรวบรวมอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว

ชำระเงินพร้อมรับเหรียญ และจอกที่เคาน์เตอร์ มีโซนเก็บกระเป๋าให้ด้วย

วิธีชิมก็ง่ายๆ เพียงชำระเงิน 500 เยน จะได้รับจอก หรือโอะโจะโกะ (Ochoko) พร้อมเหรียญ 5 เหรียญ เพื่อหยอดตู้ที่เรียงรายด้วยสาเกกว่าร้อยรสชาติ ความเก๋คือแต่ละเดือนจะมีการจัด 10 อันดับรสยอดนิยม จากนั้นก็วางจอกลงไป หยอดเหรียญตามจำนวนที่ระบุ กดปุ่ม สะเกะจะรินลงจอกเอง (เหมือนซื้อกาแฟในร้านสะดวกซื้อ)

เลือกรสชาติที่ถูกใจได้ตามอัธยาศัย

ช่วงที่ไปนั้นเป็นเดือนธันวาคมพอดี รสยอดนิยมอันดับหนึ่งคือหมายเลข 65 โจเซมมิซุโนะโงโตชิ (Jozenmizunogotoshi Yuzawa Edition) สาเกคุณภาพสูงที่เน้นรสธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง หรือจุนไมกินโจ (Junmai Ginjou) ระดับแอลกอฮอล์ 17-18 % จากโรงผลิตชิราตากิ (Shirataki Brewery) ในเมืองยุซาวะที่ก่อตั้งในปีค.ศ. 1855 หรือ 164 ปีมาแล้ว

อันดับสะเกะรสยอดนิยม เลือกชิมตามกระดานได้เลย
รสชาติอันดับหนึ่งหมายเลข 65 เพียงหยอดเหรียญ วางแก้ว รอสะเกะเย็นๆ ไหลรินลงมา

รสชาติทั้งหมดดื่มง่ายมาก ให้ความสดชื่น เย็นฉ่ำ และมีความหวานอ่อนๆ ยิ่งดื่มยิ่งติดใจ แต่ระดับแอลกอฮอล์ในเกณฑ์สูง จึงทำให้หน้าตึงๆ ร้อนผ่าวๆ ตลอดเวลา ซึ่งเป็นความฟินอีกแบบหนึ่ง ในห้องยังมีเกลือรสชาติต่างๆ นับสิบวางเรียงรายให้นักดื่มตักวางบนหลังมือ แล้วใช้ลิ้นแตะ เพื่อเพิ่มรสชาติด้วย

เกลือหลายรสชาติกับกับสะเกะหลายรสชาติ

สาเกเหล่านี้ล้วนผลิตอย่างพิถีพิถันจากโรงผลิตที่มีอายุนับร้อย หรือเกือบ 180 ปี จึงไม่เพียงสะท้อนความชำนาญ แต่ยังบ่งบอกความผูกพันกับชาวนีงาตะ และชาวญี่ปุ่นที่ดำเนินมายาวนานจนกลายเป็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิตอย่างสุนทรีย์ในช่วงเวลาพักผ่อน หรือการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ ด้วย  ดังนั้น ถ้าใครมีโอกาสแวะมาก็ขอแนะนำให้ลองทำอะไรแบบนี้บ้าง จะเป็นอีกหนึ่งวันที่ดีมากๆ เลย

เมืองสะเกะก็ต้องมีมนุษย์เงินเดือนนอนเมาปลิ้นเช่นนี้ เป็นลูกเล่นสนุกๆ

 

จากสถานี Echigo Yuzawa ทั้งกินดื่มเป็นที่เรียบร้อย ก็กลับสู่ตัวเมืองนีงะตะด้วยรถไฟด่วน ก่อนเวลาพลบค่ำจะมาเยือน รู้สึกอุ่นสบายจากความร้อนของน้ำพุร้อนที่ยังอวลอยู่ และสะเกะรสเลิศ

 

More Information : *สถานีรถไฟ JR Echigo Yuzawa เมือง Yuzawa ด้วยนั่งรถไฟ Genbi Shinkansen ดูรอบเวลาที่ www.jreast.co.jp/ * Bakudan Onigiri และ Sakeburu Yunosawa เปิด 09:00 – 17:00 / *Ponshukan เปิด 09:00 – 21:00 น.